เกาหลีเหนือกร้าวขู่ปฏิบัติการทางทหารในแปซิฟิก
สถานีโทรทัศร์เกาหลีเหนือเผยแพร่ภาพที่อ้างว่าเป็นการยิงขีปนาวุธข้ามน่านฟ้าญี่ปุ่น
สำนักข่าวกลางเกาหลี (KCNA) ของทางการเกาหลีเหนือแถลงว่าการยิงขีปานาวุธเฉียดญี่ปุ่นเมื่อวันอังคารเป็นเพียงขั้นแรกของปฏิบัติการทางทหารในภูมิภาคแปซิฟิกเท่านั้น นอกจากนี้ก็ยังข่มขู่ว่ายังมีเป้าหมายที่จะโจมตีเกาะกวมของสหรัฐฯ อยู่เช่นเดิม ในคำแถลงนั้น เรียกเกาะกวมว่าเป็น "ด่านหน้าแห่งการบุกรุกเกาหลีเหนือ"
คณะมนตรีความมั่นคงของสหประชาชาติมีมติเป็นเอกฉันท์ประณามการกระทำดังกล่าว และก็ยังเรียกร้องให้เกาหลีเหนือหยุดการทดสอบขีปนาวุธโดยทันที แต่ในมติดังกล่าวไม่ได้พูดถึงว่าจะคว่ำบาตรเกาหลีเหนือครั้งใหม่ก่อนหน้านี้เกาหลีเหนือระบุว่าการยิงขีปนาวุธข้ามเกาะฮอกไกโดของญี่ปุ่นวานนี้ (29 ส.ค.) มีขึ้นเพื่อตอบโต้ที่สหรัฐฯ ซ้อมรบร่วมกับชาติพันธมิตรคือญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ซึ่งเกาหลีเหนือถือว่าปฏิบัติการดังกล่าวเป็นการเตรียมรุกรานประเทศของตน
สำนักข่าวกลางเกาหลียังระบุว่า การยิงขีปนาวุธครั้งนี้มีขึ้นเพื่อรำลึกครบรอบ 107 ปีของสนธิสัญญาญี่ปุ่น-เกาหลี ซึ่งทำขึ้นในปี 1910 เพื่อผนวกคาบสมุทรเกาหลีทั้งหมดเข้าเป็นอาณานิคมของญี่ปุ่น
ที่มาของภาพ, KCNA
สำนักข่าวกลางเกาหลี (KCNA) เผยแพร่ภาพซึ่งอ้างว่าเป็นการยิงขีปนาวุธครั้งล่าสุด
ด้านนายคิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดได้มาบัญชาการยิงขีปนาวุธพิสัยกลางฮวาซอง-12 ข้ามน่านฟ้าญี่ปุ่นด้วยตนเอง ทั้งยังกล่าวว่าการยิงทดสอบครั้งนี้เป็นเพียงการโหมโรงอุ่นเครื่อง ก่อนที่อาจจะดำเนินการตามแผนโจมตีโอบล้อมเกาะกวมที่สำคัญอย่างยิ่ง นายคิมยังสั่งการให้ซักซ้อมยิงจรวดและขีปนาวุธต่อไปอีก โดยเล็งเป้าหมายภายในภูมิภาคเอเชียตะวันออก
"การซ้อมยิงขีปนาวุธครั้งนี้เหมือนกับทำสงครามจริงๆ โดยถือเป็นก้าวแรกสำหรับปฏิบัติการทางทหารของกองทัพประชาชนเกาหลี และเป็นการโหมโรงอุ่นเครื่องปฏิบัติการโจมตีโอบล้อมเกาะกวมที่สำคัญอย่างยิ่งด้วย" ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือกล่าว
ที่มาของภาพ, KCNA
สื่อของทางการเกาหลีเหนือรายงานว่า นายคิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดได้มาบัญชาการยิงขีปนาวุธด้วยตนเอง
ส่วนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ได้ออกแถลงการณ์ประณามการยิงขีปนาวุธครั้งล่าสุดของเกาหลีเหนือว่า ทั้งโลกต่างได้รับสารที่ดังกึกก้องและชัดเจนแจ่มแจ้งจากเกาหลีเหนือ ซึ่งเป็นสัญญาณแสดงว่าเกาหลีเหนือมองไม่เห็นประเทศเพื่อนบ้าน สมาชิกสหประชาชาติทั้งหมด รวมทั้งมาตรฐานพฤติกรรมระหว่างประเทศขั้นต่ำสุดอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย
"การข่มขู่และการกระทำที่สั่นคลอนเสถียรภาพ รังแต่จะทำให้เกาหลีเหนือถูกโดดเดี่ยวจากเพื่อนบ้านในภูมิภาคและจากชาติต่างๆ ทั่วโลกมากยิ่งขึ้น" และก็ตบท้ายว่า "ขณะนี้ทางเลือกเพื่อแก้ปัญหาทุกทางล้วนเป็นไปได้ทั้งสิ้น"
ทางด้านรัสเซียและจีน ซึ่งเป็นอีก 2 มหาอำนาจที่เข้ามีบทบาทในการเจรจากับเกาหลีเหนือในครั้งก่อนๆ แสดงความเห็นแย้งกับสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ นายเซอร์เก เรียบคอฟ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่างประเทศรัสเซีย ชี้ว่าการคว่ำบาตรและการใช้กำลังทหารเพื่อแก้ปัญหาเกาหลีเหนือ เป็นหนทางที่ไม่นำไปสู่จุดหมายที่ใดเลย และเป็นหนทางสู่หายนะ
ส่วนรัฐบาลจีนเตือนว่าความตึงเครียดของสถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลีมาถึงจุดวิกฤตแล้ว แต่สหรัฐฯ และเกาหลีใต้ก็มีส่วนผิดเช่นกันที่ยังคงดำเนินการซ้อมรบร่วมอยู่ต่อไป