มนุษย์ผู้บินเดี่ยวในอวกาศเป็นคนแรกเสียชีวิตแล้ว

คำบรรยายวิดีโอ,

ย้อนดูสเปซวอล์กโดยไม่มีสายโยงครั้งแรกโดย “บรูซ แมคแคนด์เลส”

องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐฯ หรือนาซาแถลงว่า นายบรูซ แมคแคนด์เลส อดีตนักบินอวกาศผู้ปฏิบัติภารกิจใช้อุปกรณ์ไอพ่นติดหลัง "บิน" ในห้วงอวกาศโดยไม่ต้องใช้สายโยงได้สำเร็จเป็นคนแรก ได้เสียชีวิตลงแล้วในวัย 80 ปี ที่บ้านพักในรัฐแคลิฟอร์เนีย

ไม่มีการแถลงถึงสาเหตุการเสียชีวิตของนายแมคแคนด์เลส ซึ่งเป็นผู้หนึ่งที่อยู่เบื้องหลังการคิดค้นพัฒนาอุปกรณ์ไอพ่นติดหลังเพื่อบินอย่างอิสระในอวกาศ หรือ Manned Maneuvering Unit (MMU) ของนาซา ภาพที่เขาสวมอุปกรณ์ดังกล่าวออกบินเดี่ยวในห้วงอวกาศเมื่อปี 1984 เป็นระยะทาง 100 เมตรจากกระสวยอวกาศชาเลนเจอร์ โดยไม่มีสายยึดโยงเพื่อความปลอดภัย สร้างความตื่นเต้นฮือฮาไปทั่วโลก

ก่อนจะได้รับคัดเลือกเป็นนักบินอวกาศของนาซาเมื่อปี 1966 นายแมคแคนด์เลสเคยเป็นทหารเรือมาก่อนและได้เคยปฏิบัติหน้าที่ในช่วงวิกฤตการณ์ขีปนาวุธคิวบามาแล้ว เขาขึ้นปฏิบัติภารกิจในห้วงอวกาศครั้งแรกเมื่อมีอายุได้ 46 ปี ซึ่งเป็นครั้งที่เขาได้ออกบินอย่างอิสระเป็นช่วงสั้น ๆ ในอวกาศนั่นเอง

ที่มาของภาพ, NASA

คำบรรยายภาพ,

ผู้คนทั่วโลกต่างตื่นเต้นกับภาพขณะที่นายแมคแคนด์เลสบินเดี่ยวในอวกาศโดยไม่ใช้สายโยงเมื่อปี 1984

นายแมคแคนด์เลสเคยกล่าวติดตลกถึงการบินในอวกาศครั้งสำคัญของเขา โดยเทียบกับเหตุการณ์ที่นีล อาร์มสตรองได้เป็นมนุษย์คนแรกที่ไปเหยียบดวงจันทร์ว่า "นั่นอาจเป็นก้าวเล็ก ๆ ของนีล แต่นี่เป็นก้าวกระโดดครั้งใหญ่สุด ๆ สำหรับผม"

นายแมคแคนด์เลสยังเคยเล่าถึงประสบการณ์บินอย่างอิสระ โดยไม่กลัวว่าจะต้องหลุดลอยออกไปในห้วงอวกาศดำมืดเอาไว้ว่า "เมื่อคุณชินกับการเห็นพื้นโลกหมุนผ่านไปด้วยความเร็ว 4 ไมล์ต่อวินาที และคอยมองยึดเอากระสวยอวกาศเป็นตำแหน่งอ้างอิงเอาไว้ คุณก็จะบินไปช้า ๆ ได้อย่างสบาย"

ที่มาของภาพ, NASA

คำบรรยายภาพ,

นายแมคแคนด์เลสถ่ายภาพคู่กับอุปกรณ์ไอพ่นช่วยบินในอวกาศเมื่อปี 1982

นายแมคแคนด์เลสขึ้นปฏิบัติภารกิจในห้วงอวกาศอีกครั้งในปี 1990 เพื่อติดตั้งกล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิล โดยรวมแล้วเขาใช้เวลาอยู่ในอวกาศทั้งหมด 312 ชั่วโมง โดยในจำนวนนี้ 4 ชั่วโมงเป็นการบินอิสระด้วยอุปกรณ์ไอพ่นติดหลัง

วุฒิสมาชิกจอห์น แมคเคน เพื่อนร่วมชั้นโรงเรียนนายเรือของนายแมคแคนด์เลสกล่าวว่า "ภาพที่บรูซบินไปในอวกาศได้อย่างง่ายดายและสง่างาม ได้สร้างแรงบันดาลใจแก่ชาวอเมริกันหลายชั่วรุ่นให้เชื่อในความไร้ขอบเขตของศักยภาพที่มนุษย์มีอยู่"