ข้อมูลส่วนตัวจากโซเชียลมีเดียถูกนำไปใช้หาเสียงเลือกตั้งได้อย่างไร?
เฟซบุ๊กเผชิญกระแสเรียกร้องให้ผู้ใช้งานลบบัญชีเฟซบุ๊ก หลังจากมีการกล่าวหาว่าบริษัทที่ปรึกษาทางการเมืองนำข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้เฟซบุ๊กไปใช้ประโยชน์ในการหาเสียงเลือกตั้งให้กับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ พวกเขานำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ได้อย่างไร?
ขณะนี้กระแสเรียกร้องให้ลบเฟซบุ๊กกำลังขยายตัวในโลกออนไลน์ หลังเฟซบุ๊กถูกมองว่าเป็นภัยคุกคามประชาธิปไตย เพราะมีการนำข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งานที่เฟซบุ๊กเก็บไว้ ไปใช้
เคมบริดจ์ อนาลิติกา บริษัทที่ปรึกษาด้านการเมืองของอังกฤษ กำลังถูกสอบสวน หลังมีคนเชื่อว่า บริษัทนี้ช่วยให้ทรัมป์ ชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ด้วยการนำข้อมูลผู้ใช้เฟซบุ๊กไปใช้
พวกเขาถูกกล่าวหาว่า ใช้วิธีทำการตลาดดิจิทัล "แบบเจาะลูกค้าเฉพาะกลุ่ม"
ลองคิดดูว่า ข้อมูลที่คุณบอกเฟซบุ๊ก ทั้งเรื่อง อายุ เพศ เพื่อนของคุณ สถานที่ที่คุณไปเที่ยว ของที่คุณซื้อ และรสนิยมทางการเมืองของคุณ ไม่ว่าจะบอกอย่างเปิดเผยหรือกดไลค์โพสต์ที่คุณชอบ
บริษัทต่าง ๆ พยายามหาข้อมูลจากสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ เพื่อนำข้อมูลของคุณไปรวมกับข้อมูลการหาเสียง
โฆษณาหาเสียงแบบเก่า เคยใช้ข้อมูลอายุ เชื้อชาติ และสถานที่ เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมาย แต่การใช้ทักษะแบบใหม่เหล่านี้ บริษัทหลายแห่งบอกว่าพวกเขารู้จัก คุณดีกว่าเพื่อนสนิทของคุณเสียอีก
พวกเขาเจาะจงตัวคุณได้ โดยดูจากข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งที่คุณสนใจ เพลงที่คุณชอบ หนังสือที่คุณอ่าน และหนังที่คุณดู แล้วนำข้อมูลไปวิเคราะห์ว่า คุณมีบุคลิกแบบไหน เป็นคนที่ตอบสนองต่อความกลัวหรือความหวัง พวกเขาจะค้นหาว่าคุณเป็นคนประเภทที่จูงใจง่ายหรือไม่ แล้วก็จะสร้างโฆษณาขึ้นมา เพื่อตั้งเป้าให้คุณดูโดยเฉพาะ
แต่ถ้าพวกเขาพบว่า คุณจะไม่เปลี่ยนใจในการลงคะแนนเลือกตั้ง พวกเขาก็จะไม่สนใจคุณ!