47 ปียังไม่สาย ทหารเกษียณอังกฤษถูกตั้งข้อหาสังหารผู้ชุมชุม
อดีตทหารอังกฤษ 1 นาย จะถูกตั้งข้อหาฆาตกรรม จากเหตุปราบปรามผู้ชุมนุมในเมืองลอนดอนเดอร์รีของไอร์แลนด์เหนือ เมื่อปี 1972 ทำให้มีผู้เสียชีวิต 13 คน และบาดเจ็บ 15 คน
ย้อนดูเหตุการณ์ทหารอังกฤษหลายนายเปิดฉากยิงใส่ผู้ประท้วงที่ใช้สิทธิชุมนุมตามกฎหมาย เมื่อวันอาทิตย์ที่ 30 ม.ค. 1972
มันคือหน้าประวัติศาสตร์อันมืดมนของอังกฤษ เมื่อ 47 ปีก่อน เหตุการณ์นี้รู้จักกันในชื่อ วันอาทิตย์นองเลือด (Bloody Sunday) ครอบครัวของผู้เสียชีวิตเรียกร้องความยุติธรรมมาจนถึงทุกวันนี้
มีผู้เสียชีวิต 13 คนในไอร์แลนด์เหนือ จากเหตุการณ์ในปี 1972 พวกเขาทั้งหมดเป็นคาทอลิก ไร้อาวุธ และเข้าร่วมการชุมนุมใน ลอนดอนเดอร์รี ทหารอังกฤษยิงใส่พวกเขา
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงที่ความขัดแย้งในไอร์แลนด์เหนือเป็นไปอย่างร้อนแรงถึงขีดสุด
ความขัดแย้งนี้เริ่มมาตั้งแต่ทศวรรษ 1960 และกินเวลานานกว่า 30 ปี
การเดินขบวนในลอนดอนเดอร์รีเป็นการประท้วงการผ่านร่างกฎหมายที่เปิดทางให้ควบคุมประชาชนโดยไม่ต้องมีการไต่สวนอย่างไม่มีกำหนด
ผู้ชุมนุมในไอร์แลนด์เหนือที่ถูกทหารยิงเสียชีวิต 13 คน ในปี 1972
จากหลักฐานของกองทัพบก มีทหาร 21 นาย ที่ยิงกระสุนจริง 108 นัด หลังจากผ่านไป 47 ปี มีทหารหนึ่งนายที่ถูกตั้งข้อหา หลังจากที่มีการสืบหาข้อเท็จจริงใหญ่ 2 รอบ หลังเกิดเหตุวันอาทิตย์นองเลือด
ผลสอบในปี 1972 สรุปว่า ทหารและเจ้าหน้าที่ทางการอังกฤษ ไม่มีความผิด แต่การสอบครั้งนั้นถูกวิจารณ์อย่างกว้างขวางว่า เป็น "การฟอกขาว" ผู้เกี่ยวข้อง จากนั้นในปี 1998 ได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงชุดใหม่ ซึ่งใช้เวลาทำงานนาน 8 ปี
ในปี 2010 นายกฯ เดวิด คาเมรอนในขณะนั้น ได้กล่าวคำขอโทษ
ครอบครัวของเหยื่อเรียกร้องความรับผิดชอบและให้ปิดคดีที่ยาวนานหลายสิบปี
ผู้ต้องสงสัยได้แก่ อดีตทหาร 17 นาย และผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นสมาชิกกลุ่มติดอาวุธ 2 คน
ในคำฟ้องระบุว่า หลักฐานที่มีอยู่ เพียงพอในการนำตัวผู้ต้องสงสัยเพียง 1 ราย เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมในชั้นศาล