นักบินเล่าประสบการณ์เอาชีวิตรอดจากสัตว์ร้าย หลังเครื่องบินตกและติดอยู่ในป่าแอมะซอน 36 วัน

ที่มาของภาพ, Getty Images
อันโตนีโอ เซียนา ต้องผจญภัยในป่าแอมะซอนตามลำพังนาน 36 วัน หลังเครื่องบินตกเมื่อวันที่ 28 ม.ค. 2021
การหลงทางอยู่ตามลำพังในป่าดงดิบอันห่างไกลของบราซิล อันโตนีโอ เซียนา รู้ดีว่าเขาต้องกลัวอะไรมากที่สุด "สัตว์นักล่าตัวฉกาจแห่งป่าแอมะซอน นั่นคือ เสือจากัวร์ จระเข้ และงูอนาคอนดา"
แต่สิ่งที่นักบินวัย 36 ปีผู้นี้ต้องกังวลไม่ได้มีแค่การเอาตัวรอดจากปากเสือปากจระเข้ แต่เขายังต้องเสาะหาอาหารและที่พักอันปลอดภัยในยามค่ำคืนด้วย
นี่เป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลย และอันโตนีโอรู้ดีว่าหลังจากเครื่องบินตก ก็อาจต้องใช้เวลาอีกหลายวันกว่าที่เขาจะได้รับความช่วยเหลือ แต่สิ่งที่เขาคาดไม่ถึงก็คือ การต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดของเขาในครั้งนี้จะกินเวลานานกว่าหนึ่งเดือน
ลงจอดฉุกเฉิน
"เมย์เดย์, เมย์เดย์, เมย์เดย์...ปาปา, แทงโก, อินเดีย, โรมิโอ, จูเลียต กำลังตก..." อันโตนีโอเริ่มต้นข้อความทางวิทยุสื่อสาร ซึ่งกลายเป็นข้อความสุดท้ายของเขาก่อนที่เครื่องบินจะหายไปกลางป่าแอมะซอนเมื่อเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา
เครื่องบินที่อันโตนีโอขับไปตามลำพังเพื่อเติมเสบียงให้คนที่เหมืองแร่อันห่างไกล กำลังมีปัญหาขัดข้อง
"จู่ ๆ เครื่องยนต์ก็ดับลงขณะบินอยู่ที่ความสูง 900 เมตร ผมต้องบังคับให้เครื่องลงจอดฉุกเฉินกลางป่า" อันโตนีโอ เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ทีมข่าวบีบีซี เวิลด์ เซอร์วิสฟัง
อันโตนีโอ ใช้ความรู้และความสามารถทั้งหมดที่มีบังคับให้เครื่องบินเล็กของเขาบินฝ่ากิ่งก้านต้นไม้และลงจอดฉุกเฉินได้อย่างปลอดภัยในบริเวณที่ไม่มีผู้คนอาศัยอยู่ทางตอนเหนือของแม่น้ำแอมะซอน
ที่มาของภาพ, Getty Images
เครื่องบินที่อันโตนีโอขับเกิดขัดข้อง และต้องลงจอดฉุกเฉินบริเวณตอนเหนือของแม่น้ำแอมะซอน
การหนีรอดจากความตายครั้งนี้ เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการผจญภัยครั้งสำคัญในชีวิตของนักบินหนุ่มผู้นี้ เพราะขณะเดียวกันนั้นเอง อันโตนีโอพบว่าน้ำมันเชื้อเพลิงได้ไหลออกมาทั่วซากเครื่องบินของเขา
"ผมต้องหนีออกจากเครื่องบิน เพราะผมรู้ว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย" เขาเล่า
การที่ไม่สามารถใช้เครื่องบินเป็นที่หลบภัยได้ อันโตนีโอจึงต้องอยู่บริเวณใกล้เคียง พร้อมกับหวังว่าจะมีคนได้รับข้อความแจ้งเหตุฉุกเฉินของเขา แล้วส่งความช่วยเหลือมาให้
"ผมหยิบฉวยทุกอย่างที่อาจช่วยให้ผมเอาตัวรอดในป่าได้ไม่กี่วัน"
"ตอนนั้นผมคิดว่าคงต้องติดอยู่ในป่า 5-8 วัน ซึ่งเป็นเวลาตามปกติสำหรับการทำงานของทีมค้นหาและกู้ภัย"
ทว่าหนึ่งสัปดาห์ผ่านไป แต่ความช่วยเหลือกลับยังมาไม่ถึง
ออกเดินทางตามลำพัง
อันโตนีโอตัดสินใจว่าถ้าเขาอยากจะได้พบหน้าคนที่เขารักอีกครั้ง เขาจะต้องออกจากจุดที่เครื่องบินตก เพื่อเดินทางไปสู่ที่ปลอดภัย
"ผมตระหนักว่าพวกเขาตามหาผมไม่พบ และผมจะต้องหาทางออกจากที่นั่นเพื่อกลับไปหาครอบครัวของผมอีกครั้ง"
เมื่อตัดสินใจดังกล่าวแล้ว อันโตนีโอก็ใช้แสงแรกของเช้าวันถัดมาเป็นเครื่องนำทางเพื่อค้นหาจุดที่มีผู้คนอยู่อาศัยที่ใกล้ที่สุดบริเวณนั้น
"ผมตัดสินใจเดินไปทางทิศตะวันออก มุ่งหน้าไปสู่พระอาทิตย์ และผมจะออกเดินทุกเช้าเป็นเวลาประมาณ 2-4 ชั่วโมง"
"หลังจากนั้น ผมต้องวางแผนสำหรับตอนกลางคืน นั่นคือการสร้างที่พักและเตรียมก่อกองไฟ"
ป่าแอมะซอนถือเป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยอันตรายสำหรับคนที่จู่ ๆ ต้องพลัดหลงเข้าไปอยู่ตามลำพังโดยปราศจากการคมนาคมหรือช่องทางการสื่อสารใด ๆ แต่อันโตนีโอยังโชคดีที่เขาได้เรียนรู้ทักษะที่จะช่วยให้เขามีโอกาสรอดออกไปจากป่าดงดิบแห่งนี้ได้
ที่มาของภาพ, Getty Images
จระเข้ คือหนึ่งในสัตว์ที่อันโตนีโอหวาดกลัวที่สุด
"ผมได้รับการฝึกอบรมหลักสูตรการเอาชีวิตรอดในป่าตอนที่เรียนการบิน"
"นอกจากนี้ ผมยังเกิดและอาศัยอยู่ในป่าแอมะซอนด้วย"
อันโตนีโอได้มีโอกาสเรียนรู้เรื่องต่าง ๆ จากผู้คนที่อาศัยในพื้นที่ห่างไกลในป่าดงดิบแห่งนี้ ซึ่งมันได้กลายเป็นสิ่งที่อาจช่วยให้เขาเอาตัวรอดจากความตายได้
"ทุกครั้งที่มีโอกาส ผมมักชอบพูดคุยกับคนที่อาศัยในแถบนี้ ผมได้เรียนรู้หลายอย่างจากพวกเขา"
หาอาหาร
ทักษะการเอาชีวิตรอดอย่างแรกที่อันโตนีโอต้องใช้คือการหาอาหาร และเขาก็ใช้วิธีดูตัวอย่างจากสัตว์ป่าที่นั่น
"มีผลไม้ที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต แต่ผมสังเกตเห็นว่าพวกลิงกินมัน...ผมเลยคิดว่าถ้าลิงกินได้ ผมก็น่าจะกินได้ด้วย" เขาเล่า
อันโตนีโอเจอต้นโกโก้อยู่ 2-3 ครั้ง แต่เขาจำเป็นต้องหาอะไรกินที่นอกเหนือไปจากผลไม้
แล้วมันคืออะไรกัน?
"ไข่นกเรีย" อันโตนีโอบอกว่ามันเป็นไข่ของนกพื้นถิ่นที่พบได้ทั่วไปกลางป่าแอมะซอน
นกเรีย (Rhea) หรือนกนานดู (Nandu) เป็นนกขนาดใหญ่ที่เป็นญาติห่าง ๆ กับนกกระจอกเทศ และนกอีมู ซึ่งมักวางไข่ขนาดใหญ่สีฟ้าไว้ในป่าแถบนั้น และอันโตนีโอก็พบอาหารชนิดนี้เป็นครั้งคราว
"ไข่ก็คือไข่ มันคือโปรตีน ผมจำเป็นต้องได้รับโปรตีนในตอนนั้น ผมจึงกินมันดิบ ๆ"
ที่มาของภาพ, Getty Images
งูอนาคอนดา คือ 1 ใน 3 สัตว์นักล่าตัวฉกาจแห่งป่าแอมะซอน
หลบหลีกสัตว์นักล่าแห่งพงไพร
นอกจากต้องหาอาหารให้เพียงพอสำหรับประทังชีวิต อันโตนีโอยังต้องคอยระวังตัวไม่ให้ตัวเองตกเป็นอาหารของสัตว์นักล่าที่อันตรายในป่าแอมะซอนด้วย
"ทุกครั้งที่ผมหยุดพักและสร้างที่หลบภัย ผมมักจะสร้างที่เนินเขา" เขาอธิบาย
"เพราะเสือจากัวร์ จระเข้ และงูอนาคอนดา มักหากินใกล้กับแหล่งน้ำ ดังนั้นผมจึงไม่เคยตั้งแคมป์ที่ริมแหล่งน้ำเลย"
อันโตนีโอยังมักทำให้เกิดเสียงดังตอนที่เดินป่าด้วย
เขารู้ดีว่าตัวเองเสี่ยงจะถูกสัตว์ป่าทำร้ายในตอนกลางวันเพราะจู่ ๆ ไปทำให้พวกมันตกใจ มากกว่าจะส่งเสียงให้พวกมันรู้ว่ามีคนกำลังมา
มีความหวังในที่สุด
แม้ทักษะการเอาชีวิตรอดในป่าของอันโตนีโอจะได้ผล แต่เขาก็น้ำหนักลดลงไปมาก
เวลาได้ล่วงเลยมาหลายสัปดาห์แล้ว นับแต่เขาเดินออกมาจากซากเครื่องบิน
แต่หลังจากผ่านไป 36 วัน ในที่สุดเขาก็ได้พบกับคนกลุ่มเล็ก ๆ
"หลังจากเดินป่า ปีนเขา ขึ้นเนิน และข้ามแม่น้ำ ผมได้พบกับกลุ่มคนเก็บถั่วบราซิลในพื้นที่อันห่างไกล" เขาเล่า
ตอนแรกอันโตนีโอมองไม่เห็นคนพวกนี้ แต่เขาเดินไปตามต้นเสียง
"ผมได้ยินพวกเขาทำงาน"
ในที่สุดการเดินทางอันแสนทรหดของเขาก็จบลง
ที่มาของภาพ, Antonio Sena
อันโตนีโอกับชาวบ้านที่ช่วยชีวิตเขา
"สิ่งเดียวที่ผลักดันผม และทำให้ผมมีพลังต่อไป แม้จะเจ็บปวดและหิวโหย มันคือความต้องการได้พบหน้าครอบครัวของผมอีกครั้ง"
"ตอนที่ผมหลุดออกมาจากป่า และได้พบครอบครัวที่สนามบิน สำหรับผมแล้วมันคือช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตผม"
มีการส่งเครื่องบินและเฮลิคอปเตอร์ออกตามหาอันโตนีโอ แต่การค้นหายุติลงไปแล้วหลายสัปดาห์ก่อนหน้านั้น
ถ้าอันโตนีโอไม่พาตัวเองเดินออกมาจากป่าแอมะซอนหลังจากเครื่องบินตก เขาก็คงจะไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าครอบครัวอีกเลย
"ในที่สุดผมก็ได้กอดพวกเขา แล้วบอกว่าผมรักพวกเขามากแค่ไหน" อันโตนีโอกล่าว
"ผมทำทุกอย่างเพื่อพวกเขา แค่คิดถึงแต่พวกเขาในทุก ๆ ครั้ง"