สงครามโลกครั้งที่ 2 : การผจญภัยของ 2 พี่น้องชาวดัตช์ผู้พายเรือคายัคข้ามทะเลหนีนาซีมาถึงอังกฤษ

ที่มาของภาพ, Peteri Family
ขณะเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยวัย 22 ปี เฮนรีผู้ชอบพายเรืออยู่แล้วได้ยินมาว่าเพื่อนชาวดัตช์พยายามที่จะหนีออกจากประเทศไปสหราชอาณาจักรด้วยเรือประมง
โดย ลอเรนซ์ คอว์ลีย์
บีบีซีนิวส์
นีลส์ เพเตอรี คิดถึงพ่อทุกครั้งที่ไปเที่ยวชายหาด เฮนรี พ่อของเขา เป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่ถูกเรียกขานว่า "อิงเงอลันด์วาร์เดอห์ส" (Engelandvaarders) ซึ่งย้อนไปเมื่อวันที่ 21 ก.ย. 1941 ที่เดินทางมาถึงชายฝั่งในสหราชอาณาจักร หลังพายเรือข้ามมาจากเนเธอร์แลนด์ที่ถูกกองทัพนาซีเยอรมนีเข้ายึดครอง
นีลส์ เพเตอรี ยังเป็นวัยรุ่นอยู่ตอนที่ได้ฟังเรื่องการเดินทางข้ามทะเลเหนือโดยใช้เวลา 56 ชั่วโมง
เฮนรีก็เหมือนกับคนรุ่นเดียวกันที่ไม่ค่อยชอบพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในสงครามโลกครั้งที่ 2
8 ปีหลังการเดินทางอันหฤโหดในครั้งนั้น นีลส์จำได้ว่าพ่อเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังภายในครั้งเดียว เขาบอกว่ามันเป็นเรื่องราวที่เริ่มต้นไม่สวยนัก แต่ก็เต็มไปด้วยภารดรภาพและความกล้าหาญ
ขณะเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยวัย 22 ปี เฮนรีผู้ชอบพายเรืออยู่แล้วได้ยินมาว่าเพื่อนชาวดัตช์พยายามที่จะหนีออกจากประเทศไปสหราชอาณาจักรด้วยเรือประมง
และเขาก็ได้ยินมาว่ามีหลายคนที่ถูกจับก่อนจะไปถึงชายฝั่ง หรือไม่ก็ถูกสังหารหลังเรือลาดตะเวนของนาซีโจมตีจนเรือจม
นั่นทำให้เขาเริ่มคิดว่าตัวเองจะทำบ้างได้ไหม แต่จะใช้เรือที่เล็กกว่า หลังจากนั้นเขาก็ชักชวนน้องชาย วิลเลิม ให้ไปเสี่ยงเอาชีวิตรอดด้วยกัน
เขาซื้อเรือคายัคที่ผลิตในเยอรมนีจากเมืองรอตเตอร์ดัม ก่อนเดินทางไปยังบ้านพักในหมู่บ้านชื่อ คัตไวค์ (Katwijk) ซึ่งพวกเขาเคยไปพักร้อนมาก่อน และก็เริ่มประกอบเรือกันที่นั่น
ที่มาของภาพ, Peteri family
เฮนรีเสียชีวิตเมื่อปี 2007
ใครคืออิงเงอลันด์วาร์เดอห์ส (Engelandvaarders)
พวกเขาก็คือชายหญิงกว่า 2,000 คน ที่เดินทางไปถึงสหราชอาณาจักรจากเนเธอแลนด์ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 - มีประมาณ 1,700 คนในจำนวนนั้นที่ไปทางทะเล
หลายคนจมน้ำ ถูกจับ ถูกนำไปขังคุก หรือถูกยิงขณะเตรียมตัวออกเดินทาง หลายคนไปสมัครเป็นทหารกับกองทัพสหราชอาณาจักรหรือของเนเธอแลนด์ ไปทำงานบนเรือเพื่อการพาณิชย์ หรือทำงานกับรัฐบาล
มีกลุ่มคนที่เรียกกันว่า อิงเงอลันด์วาร์เดอห์ Engelandvaarders หรือแปลตามตัวว่า "England-farers" มากกว่า 100 คน ที่เดินทางกลับไปยังประเทศตัวเองซึ่งถูกนาซียึดครองแล้วเพื่อเป็นสายลับ และเกือบครึ่งหนึ่งถูกจับได้
ที่มาของภาพ, Studio Wessels
นีลส์ เพเตอรี คิดถึงพ่อทุกครั้งที่ไปเที่ยวชายหาด
"พ่อผมมองออกไปนอกหน้าต่างและคิดว่าต้องไปวันนี้แหละ" นีลส์เล่า
"เขาไม่อยากให้เวลาช่วงกลางคืนสั้นลงกว่านี้ และเขาคิดว่านี่เป็นโอกาสสุดท้าย ไม่ตอนนี้ก็คงไม่ได้มีโอกาสอีกเลย"
แต่แล้วพวกเขาก็พบกับอุปสรรคที่คาดไม่ถึง
"หลังจากประกอบเรือคายัคเสร็จ พวกเขาเพิ่งรู้ตัวว่ามีชิ้นส่วนหนึ่งที่ลืมประกอบ"
"พวกเขาเลยต้องถอดชิ้นส่วนทุกอย่างออกและประกอบใหม่ทั้งหมด และคราวนี้ส่วนประกอบก็ครบทุกชิ้น"
"ตอนนั้นมีลมจากทิศตะวันออกและทะเลก็นิ่งสงบ พวกเขาเลยตัดสินใจออกเดินทาง"
ที่มาของภาพ, Studio Wessels
เฮนรีซื้อเรือคายัคที่ผลิตในเยอรมนีจากเมืองรอตเตอร์ดัม
ที่จริงแล้ว พวกเขาออกเดินทาง 2 ครั้งด้วยกัน
"ตอนพวกเขาออกเรือจากเนเธอร์แลนด์ เรือพวกเขาล่มทันทีและทำเข็มทิศหนึ่งในสองอันที่มีหายไป" นีลส์เล่า
56 ชั่วโมงถัดมา พี่น้องคู่นี้เห็นทุ่นลอยในทะเล มีตัวหนังสือเขียนว่า "Sizewell" ซึ่งคือชื่อของหมู่บ้านเล็ก ๆ ริมชายฝั่งมณฑลซัฟฟอล์ก พวกเขาจึงได้รู้ว่าถึงอังกฤษแล้ว
"คนแรกที่พวกเขาเห็นคือตำรวจในเครื่องแบบ" นีลส์เล่า
"พ่อเล่าว่าเขาตะโกนถามตำรวจว่าขอจอดเรือที่นี่ได้ไหม"
สองพี่น้องพายเรือมา 56 ชั่วโมงมาถึงชายหาดเมืองไซส์เวลล์ที่มณฑลซัฟฟอล์ก
นอกจากขออนุญาตเพื่อความสุภาพแล้ว เฮนรีต้องการจะแน่ใจด้วยว่าที่ชายหาดนั้นไม่มีกับระเบิดอยู่
"ตำรวจบอกว่า 'ไม่มีปัญหา' และจากนั้นพวกเขาก็ไปที่สถานีตำรวจในเมืองลีสตัน"
เท่าที่รู้ เฮนรีและน้องชายเป็นหนึ่งใน 8 คนที่รอดชีวิต จากคนทั้งหมด 32 คนที่พยายามพายเรือคายัคข้ามมาอังกฤษ
ในจำนวนคน 8 คนนั้น มีเพียง 3 คนที่มีชีวิตอยู่ตอนสงครามสิ้นสุด และเฮนรีเป็นผู้รอดชีวิตคนสุดท้ายก่อนจะเสียชีวิตเมื่อปี 2007
"ทุกครั้งที่เราไปชายหาด ผมจะคิดถึงประสบการณ์ของพ่อ มันค่อนข้างน่ากลัวถ้าลองนึกภาพดู"
"เขาเล่าให้ฟังว่าไม่เคยรู้สึกเป็นอิสระเท่าวันที่อยู่ในคุกอังกฤษในคืนแรก" นีลส์เล่า
หลังจากทางการอังกฤษตรวจสอบและก็ปล่อยตัวเขา เขาเป็นหนึ่งในคนจำนวนหนึ่งที่ได้รับการต้อนรับจากวิลเฮลมินา พระราชินีแห่งเนเธอร์แลนด์ ซึ่งทรงประทับในลอนดอนในช่วงสงคราม และทรงเป็นประมุขของรัฐบาลพลัดถิ่น
จากตอนนั้นจนสงครามสิ้นสุด เฮนรีเป็นนาวิกโยธินประจำเรือ เอชเอ็มเอส ยาค็อบ ฟาน เฮมส์แคร์ก (HMS Jacob van Heemskerck) ซึ่งมีหน้าที่คอยอารักขาเรือพาณิชย์ในทะเลแอตแลนติก แปซิฟิก และเมดิเตอร์เรเนียน
"พ่อโชคดีมาก" นีลส์เล่า "พวกเขาถูกโจมตีบ่อยครั้ง และเพราะมีปัญหาเครื่องยนต์ เลยไม่ได้ไปร่วมยุทธนาวีที่ทะเลชวาซึ่งเรือทุกลำของเนเธอร์แลนด์ถูกกองทัพเรือญี่ปุ่นทำลาย"
เฮนรีได้รับการประดับเหรียญกล้าหาญถึง 2 ครั้ง
ที่มาของภาพ, Peteri Family
เฮนรีเป็นนาวิกโยธินประจำเรือ เอชเอ็มเอส ยาค็อบ ฟาน เฮมส์แคร์ก (HMS Jacob van Heemskerck)
"แต่อาของผม วิลเลิม โชคดีน้อยกว่า"
นีลส์เล่าถึงอาของเขาว่า ขณะที่รอเข้าร่วมกองทัพเรือของเนเธอแลนด์ วิลเลิมพักอยู่บนเรือนอกชายฟังเนเธอร์แลนด์ซึ่งถูกโจมตีจนจมโดยกองทัพเยอรมนี
"เมื่อวันที่ 3 ต.ค. พ่อผมได้รับโทรเลขที่ระบุว่า : ผู้บังคับบัญชากองเรือรบเสียใจที่ต้องแจ้งว่าเรือ MGB 78 ไม่ได้กลับมาจากภารกิจลาดตะเวนเพื่อโจมตี"
"เฮนรีนึกว่าเขาเสียน้องชายไปแล้ว ไม่จมน้ำก็โดนยิง"
นีลส์เล่าว่าพ่อเขากังวลมากเพราะอาอยู่บนเรือพลเรือน นั่นหมายความว่าจะถูกถือว่าเป็นสายลับ
แต่วิลเลิมรอดทั้งการโดนสาดยิงใส่และเรือจม และก็ถูกพัดไปขึ้นชายฝั่งในเนเธอร์แลนด์
ที่มาของภาพ, Peteri Family
วิลเลิมรอดทั้งการโดนฝ่ายเยอรมนีสาดยิงใส่และเรือจม
จากนั้น เขาถูกนำตัวส่งไปยังกรุงเบอร์ลิน ถูกขังคุกอยู่ที่นั่น 3 สัปดาห์ ก่อนที่จะถูกส่งไปอยู่ในค่ายกักกันจนสงครามสิ้นสุด
ในปี 1946 เฮนรีกลับไปเนเธอร์แลนด์เพื่อทำงานให้บริษัทยูนิลิเวอร์จนกระทั่งช่วงทศวรรษที่ 1970 ตอนนั้น เขามีลูก 6 คนแล้วและรู้สึกเบื่อหน่ายงานบริษัทและออกมาเป็นนักประดิษฐ์
เป้าหมายเขาคือการผลิตอุปกรณ์ที่ช่วยให้คนได้ใช้น้ำร้อนแบบทันใจ
ในตอนนั้น นีลส์ซึ่งอายุแค่ 10 ขวบดูพ่อทำงานในชั้นใต้ดินที่บ้านด้วยความสนอกสนใจ และก๊อกน้ำซึ่งสามารถเปิดเป็นน้ำเดือดได้เลยก็กลายเป็นเครื่องใช้ชื่อ คูกเกอร์ (Quooker) ซึ่งเปิดตัวเมื่อปี 1992 และเมื่อถึงปี 2000 ก็กลายเป็นเครื่องใช้ยอดนิยมในเนเธอร์แลนด์ไปแล้ว
ที่มาของภาพ, Peteri Family
เฮนรีลาออกจากงานมาเป็นนักประดิษฐ์ในช่วงทศวรรษที่ 1970
ตอนนี้ บริษัทผลิตเครื่องใช้นี้ถึง 300,000 ชิ้นต่อปี และมีผู้จัดจำหน่ายและวางขายในร้านค้าย่อยมากกว่า 10,000 แห่งในยุโรปและเอเชีย
เมื่อถามถึงประสบการณ์การทำงานกับพ่อ นีลส์บอกว่าพ่อพยายามให้เขาใช้ความสามารถและพลังในตัวเองให้เกิดประโยชน์ที่สุด
เขาและพ่อไม่เคยทะเลาะกันระหว่างทำงาน พ่อบอกเขาว่าสิ่งที่ภูมิใจที่สุดคือการที่เขา นีลส์ และวอลเตอร์ น้องชายของนีลส์ซึ่งมาร่วมงานด้วยในปี 1993 ไม่เคยทะเลาะกันเลย
"พ่อผมไม่ใช่แค่คนที่กล้าหาญเท่านั้น เขาเป็นคนที่ยอดเยี่ยมมาก"
ที่มาของภาพ, Peteri Family
นีลส์และเฮนรี
80 ปีผ่านไป การเดินทางครั้งนั้นยังได้รับการระลึกถึงที่หมู่บ้านเล็กใน ๆ ในมณฑลซัฟฟอล์ก ที่พี่น้องคู่นี้พายเรือมา
มีอนุสรณ์เล็ก ๆ ที่มีรูปปั้นไม้พายเล็ก ๆ 3 อันตั้งอยู่ ไม้พาย 2 อันแรกแทนพี่น้องคู่นี้ ส่วนอันที่ 3 ที่หักเป็นการรำลึกถึงคนที่ไม่รอดชีวิต
รูปปั้นรูปไม้พายเล็ก ๆ 3 อันตั้งอยู่ ไม้พาย 2 อันแรกแทนพี่น้องคู่นี้ ส่วนอันที่ 3 ที่หักเป็นการรำลึกถึงคนที่ไม่ได้รอดชีวิต
นีลส์เล่าว่างานปั้นดังกล่าวเป็นการหล่อจากไม้พายจริงที่พ่อและอาเขาใช้
นอกจากไม้พายแล้ว เรือคายัคทั้งลำยังถูกนำไปจัดแสดงที่บริษัทที่พ่อและนีลส์ก่อตั้งขึ้นในอีกหลายปีต่อมา
"เป้าหมายคือรักษาความทรงจำของผู้ที่พยายามออกเดินทางในครั้งนั้น ไม่ว่าจะประสบความสำเร็จหรือล้มเหลวก็ตาม"