โรงเรียนไทย สอนเพศศึกษา ไม่ช่วยวัยรุ่นมีทักษะเรื่องเพศ

นักศึกษาสถาบันปัญญาภิวัฒน์ เข้าร่วมชั้นเรียนเพศศึกษา

ที่มาของภาพ, PORNCHAI KITTIWONGSAKUL/AFP/Getty Images

คำบรรยายภาพ,

ผลวิจัยชุดนี้ อ้างถึงการศึกษาในต่างประเทศ พบว่า การสอนเรื่องเพศภาวะและอำนาจมีผลสำคัญต่อชีวิตนักเรียน กล่าวคือ ร้อยละ 80 ของแผนงานที่สอนชุดความรู้นี้ สามารถลดการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์และลดจำนวนการติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ มากกว่า แผนการสอนที่ไม่ครอบคลุมเรื่องเหล่านี้

ผลวิจัยยูนิเซฟ- ม.มหิดล เผยโรงเรียนไทยสอนเพศศึกษาไม่รอบด้าน เน้นสอนสรีระ พัฒนาการทางเพศ ปลูกฝังเด็กเลี่ยงมีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงาน ส่งผลเด็กไทยขาดทักษะจัดการเรื่องเพศ ไม่เห็นด้วยกับความเท่าเทียมทางเพศ สิทธิ ความเสมอภาค ความหลากหลายทางเพศ แต่ยอมรับได้กับความรุนแรงในครอบครัว

รายงานผลการวิจัยเพื่อทบทวนการสอนเพศวิถีในสถานศึกษาไทย สำรวจข้อมูลนักเรียนมัธยมศึกษาและอาชีวศึกษา 8,837 คน และครู 692 คนในโรงเรียนมัธยมศึกษาและอาชีวศึกษา 398 แห่ง ช่วงเดือน ก.ย. 2558 ถึงเดือน มี.ค.2559 ชี้อีกว่า การสอนเพศศึกษาไม่ให้ความสำคัญเรื่องการเคารพสิทธิของผู้อื่น ส่งผลนักเรียนจำนวนมากมีทัศนคติเชิงลบ ไม่เห็นด้วยกับความเท่าเทียมกันทางเพศและสิทธิทางเพศ และยอมรับความรุนแรงในครอบครัวในบางกรณี

สะท้อนจากผลวิจัย ร้อยละ 41 ของนักเรียนชายอาชีวะที่สำรวจ มีทัศนคติที่เป็นปัญหาเรื่องเพศภาวะ เพศวิถี โดยเชื่อว่าสามีมีสิทธิ์ทุบตีภรรยาได้หากพบว่าภรรยาไม่ซื่อสัตย์ ขณะที่ นักเรียนชายชั้น ม.1-3 ประมาณครึ่งหนึ่ง เชื่อว่าการมีความสัมพันธ์ทางเพศกับเพศเดียวกันเป็นสิ่งผิด

รายงานที่จัดทำโดยศูนย์นโยบายสาธารณสุข ม.มหิดล องค์การยูนิเซฟและความร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ยังเปิดเผยผลวิจัยที่น่าสนใจอีกว่า สถานศึกษาไทยแทบทุกแห่งสอนเพศวิถีศึกษาไม่รอบด้าน เน้นสอนสรีระ พัฒนาการทางเพศ การหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงาน และการป้องกันการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์

วัยรุ่นไทยกับเรื่อง SEX

41%

นร.ชายอาชีวศึกษา เชื่อสามีทุบตีภรรยาได้หากพบว่าไม่ซื่อสัตย์

  • 50% นร.ชาย ม.1-3 เชื่อการมีเซ็กซ์กับเพศเดียวกันเป็นสิ่งผิด

  • 70% ของผู้ติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์รายใหม่อยู่ในเยาวชน 15-24 ปี

  • วัยรุ่นไทย 15-19 ปี ให้กำเนิดบุตร 51 คน ต่อวัยรุ่น 1,000 คน (2559) สูงลำดับต้นอาเซียน

RAUL ARBOLEDA/AFP/Getty Images

นอกจากนี้ ยังพบว่าครูเกินครึ่งหนึ่งไม่ได้รับการอบรมการสอนเพศวิถีศึกษา ทำให้มักใช้วิธีสอนแบบบรรยาย แทนการจัดกิจกรรมให้เด็กคิด วิเคราะห์และตั้งคำถามเชิงลึก

นางวาเลรี ตาตอน รองผู้แทนองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย กล่าวว่า "การที่โรงเรียนแทบทุกแห่งในประเทศไทยมีการสอนเพศศึกษาถือเป็นเรื่องที่น่ายินดี แต่ในขณะเดียวกัน การที่นักเรียนจำนวนมากยังขาดทักษะที่จำเป็นในการมีสุขภาวะทางเพศยังคงเป็นสิ่งที่น่ากังวลอย่างยิ่ง"

พร้อมระบุว่าการจะลดการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น หรือลดจำนวนโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในกลุ่มเยาวชน ต้องช่วยให้เด็กรู้จักตนเองและมีทักษะที่จำเป็น ตลอดจนมีความมั่นใจในการตัดสินใจที่ถูกต้องต่อวิถีทางเพศของพวกเขา

อย่างไรก็ตาม งานวิจัยนี้ได้ให้ข้อเสนอแนะให้สถานศึกษาสอนเพศวิถีศึกษา โดยเน้นกระบวนการเรียนรู้ให้ผู้เรียนสามารถคิดวิเคราะห์ ตั้งคำถามและแสดงความคิดเห็น พร้อมเสนอให้เพิ่มเวลาสอนวิชานี้ ร่วมกับการจัดอบรมครูที่สอนเรื่องเหล่านี้ในชั้นเรียน

ข้อมูลอื่นๆ ที่น่าสนใจจากการสำรวจ

- มีนักเรียนเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ตอบคำถามเกี่ยวกับการมีประจำเดือนและรอบเดือนได้อย่างถูกต้อง

- นักเรียนหญิงที่เคยมีเพศสัมพันธ์แล้วหลายคนบอกว่ายาคุมฉุกเฉินเป็นวิธีหลักในการคุมกำเนิด

- นักเรียนชายจำนวนมากไม่ต้องการใช้ถุงยางอนามัย

- นักเรียนมัธยมศึกษาหญิงเพียงร้อยละ 54 เท่านั้น ที่บอกว่ามั่นใจว่าจะสามารถต่อรองที่จะใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์