ส่อง ครม.สัญจร สะท้อนอนาคตการเมือง ประยุทธ์
- หทัยกาญจน์ ตรีสุวรรณ
- ผู้สื่อข่าวบีบีซีไทย

ที่มาของภาพ, สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อย่างเป็นทางการนอกสถานที่ จ.พิษณุโลกและสุโขทัย วันที่ 25-26 ธ.ค. ถือเป็น ครม.สัญจรนัดที่ 4 ของปี และนัดที่ 6 ของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
เป็นวาระที่สร้างความ "ตื่นเต้น ดีใจ" ให้กับเจ้าของพื้นที่-เจ้าของสมญา "หัวหน้ากลุ่มวังน้ำยม" ในยุครุ่งเรืองของพรรคไทยรักไทย นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ถึงขั้นเปรียบเปรยว่าเป็นรายการ "ช้างเหยียบนา พญาเหยียบเมือง" เพื่อบอกใบ้คนในพื้นที่ให้เตรียมตัว "เข้าถึง" พล.อ.ประยุทธ์ ความเจริญรุ่งเรืองจะได้ตามมา
"งานนี้ ถ้า จ.สุโขทัยได้งบประมาณน้อยกว่า 5 พันล้านบาท ถือว่าขาดทุน" นายสมศักดิ์ระบุในเฟซบุ๊กส่วนตัวเมื่อวันที่ 11 ธ.ค.
หลังรัฐบาลเปิดแผน ครม.สัญจร "6 พื้นที่ 6 ภูมิภาค" ตั้งแต่กลางปี 2560 ประกอบด้วย ภาคเหนือ กลาง อีสาน ใต้ จังหวัดชายแดนภาคใต้ และพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) โดยยืนยันว่า "ไม่ใช่ไปสร้างคะแนนเสียง เพราะเราไม่ได้ต้องการเล่นการเมืองในอนาคต แต่ต้องการลงไปรับฟังทุกข์สุขประชาชนของกลุ่มในพื้นที่จากปากของเขาเอง" พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว (22 มิ.ย.)

ที่มาของภาพ, สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
พล.อ.ประยุทธ์ทดลองขับรถเครื่องยอดเมล็ดพันธุ์ข้าวในแปลงสาธิต ที่จ.สุพรรณบุรี โดยมีนักเรียนเกษตรกรรุ่นที่ 1 คอยเป็นพี่เลี้ยง

ที่มาของภาพ, สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
ทว่าทุกเส้นทางที่ไปล้วนมี "กลิ่นการเมือง" นอกจากจะมีงบประมาณและโครงการต่าง ๆ เดินทางไปพร้อมคณะของนายกฯ คนที่ 29 ทั้งคำพูดและการกระทำของ พล.อ.ประยุทธ์ยังเต็มไปด้วยการสื่อสารทางการเมือง สะท้อนผ่านลีลาการเข้าหาประชาชนแบบที่นักเลือกตั้งงัดมาใช้ในช่วงรณรงค์หาเสียง อาทิ รับดอกไม้ เปิดปราศรัย ตรวจตลาด ขี่รถไถ ให้นมแพะ แชะภาพถ่ายกับแม่ยก แต่ที่น่าสนใจคือการปรากฏตัวของบรรดา "ผู้มีบารมีการเมืองในพื้นที่" เพื่อรอต้อนรับผู้นำ คสช.
นายกฯ ทหารประกาศตัวเป็น "ลูกอีสาน"
21 ส.ค. พล.อ.ประยุทธ์ไปตรวจติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล และพบปะสมาชิกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำชุมชน และประชาชนกว่า 1,200 คน ที่ จ.นครราชสีมา โดยได้บรรยายความรู้สึกว่า "เหมือนกลับมาบ้าน" เพราะเป็นคนโคราช เป็นลูกอีสาน เกิดในค่ายทหาร ต.โพธิ์กลาง อ.เมือง จ.นครราชสีมา สูจิบัตรระบุอยู่จนทุกวันนี้ คนเราต้องไม่ลืมบ้านเกิดตัวเอง

ที่มาของภาพ, สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
พล.อ.ประยุทธ์ประกาศตัวเป็น "ลูกอีสาน" ระหว่างไปร่วมประชุม ครม.สัญจร. จ.นครราชสีมา
ในช่วงท้าย พล.อ.ประยุทธ์ยืนยันว่าสนับสนุนการเลือกตั้ง แต่ที่ผ่านมาได้คนไม่ดีมาตลอด "ขอประชาชนอย่าไปหลงเชื่อคนที่บอกว่าจะให้สิ่งของให้เงินทอง พอเลือกเข้ามาก็เป็นแบบเดิม" ก่อนหยอดลูกอ้อนใส่ชาวโคราชด้วยการเว่าอีสานว่า "คิดถึงกันบ้างเด้อ"
ตลอด 2 วันที่ไปเยือนถิ่นย่าโม แม้ไม่ปรากฏเงา "หัวหน้ากลุ่มวังน้ำเขียวตัวจริง" อย่างนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา (ชพน.) ร่วมพบปะนายกฯ แต่ก็มี ร.ต.หญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวี นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) นครราชสีมา อดีต ส.ส.ชพน. คอยต้อนรับ-ร่วมประชุมเสนอแผนพัฒนาจังหวัด
มติ ครม.ที่สำคัญคือการอนุมัติงบประมาณ 2,600 ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการสร้างทางรถไฟยกระดับ ระยะทาง 5 กิโลเมตร เพื่อแก้ไขปัญหาด้านการจราจรในตัวเมืองนครราชสีมา พร้อมเร่งรัดโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงระยะแรก (กรุงเทพฯ-นครราชสีมา) ทำให้ นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล หัวหน้าพรรค ชพน. เอ่ยปากชมที่รัฐบาลนำความเจริญมาให้
สำหรับ จ.นครราชสีมา ถือเป็นพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางทางเมือง เพราะมีผู้มีบารมีอย่างน้อย 3 กลุ่มก้อนคือ ชพน. ของนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ที่เคยประกาศทำ "พรรคโคราช" แต่ก็พลาดท่าเสียทีให้อีก 2 พรรคการเมืองคือพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ที่มีนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ ยึดคุมพื้นที่ และพรรคเพื่อไทย (พท.) ซึ่งกวาด ส.ส.ไป 8 จาก 15 ที่นั่งในการเลือกตั้งปี 2554
เปิดตัวนายกฯ คนนอกที่เมืองหลวงชาติไทยพัฒนา ?
18 ก.ย. พล.อ.ประยุทธ์ไปเยือน จ.สุพรรณบุรี "เมืองหลวงชาติไทยพัฒนา (ชทพ.)" ได้พาดหัวข่าววันรุ่งขึ้นในทำนองเปิดตัว "นายกฯ คนนอกอย่างไม่เป็นทางการ" เมื่อนายประภัตร โพธสุธน นักการเมืองรุ่นเก๋า ส่งสัญญาณชัดผ่านวรรคทองที่ว่า "เมื่อปากท้องของประชาชนอยู่ได้ นายกฯ จะอยู่อีก 8 ปี 10 ปี ผมก็ไม่ว่า"

ที่มาของภาพ, สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
นายวราวุธ ศิลปอาชา ทายาทนายบรรหาร นำทีมอดีต ส.ส.สุพรรณบุรี และอ่างทอง ของ ชทพ.มาพบปะพูดคุยกับนายกฯ
ในระหว่างเยี่ยมชมผลการดำเนินงานของโรงเรียนเกษตรกรชาวนา สถาบันวิทยาศาสตร์ข้าวแห่งชาติ ต.รั้วใหญ่ อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี ขุนพล ชทพ. แห่มาต้อนรับพล.อ.ประยุทธ์เกือบ "ยกพรรค"เล่นเอาเจ้าตัวเป็นปลื้มถึงขนาดเอ่ยปากว่า "วันนี้ไม่กินข้าวก็ได้ เพราะดีใจที่ได้พบกับประชาชน ได้พบพี่ประภัตร และท็อป (นายวราวุธ ศิลปอาชา บุตรชายนายบรรหาร)" และเกิดอาการติดลมบน ถึงขั้นชักชวนนายประภัตรให้ไปลงพื้นที่ด้วยกันในครั้งหน้า
ขณะที่นายวราวุธกล่าวว่า "พร้อมสนองนโยบายรัฐบาล และการเลือกตั้ง ก็ให้นายกฯ เป็นคนตัดสิน โดยพวกเราจะรอเล่นอย่างเดียว ปีนี้ผมเป็นประธานสโมสรฟุตบอลสุพรรณบุรี จึงต้องรอเล่นตามกติกาอย่างเดียว" ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์พูดติดตลกว่า "วันนี้เราใช้กติกาที่รัดกุม แต่ขอให้เล่นตามกติกา และขออย่าเอาผมไปเป็นผู้เล่นด้วยก็แล้วกัน วันนี้ผมทำหน้าที่เป็นกรรมการให้ทุกอย่างสงบเรียบร้อย..."
ภาพลูกหลาน "มังกรการเมือง" ยืนขนาบข้างผู้นำ คสช. ทำให้สื่อหลายฉบับจับตาเรื่อง "ดีลการเมือง" ทว่า พล.อ.ประยุทธ์ชิงปฏิเสธ โดยบอกว่าไม่จำเป็นต้องดีล ถ้าใครคิดเห็นว่าเดินหน้าไปด้วยกันได้ ก็มาช่วยกันดู มาช่วยกันคิด
ปรามชาวอยุธยาอย่าก่อม็อบ
19 ก.ย. พล.อ.ประยุทธ์ไปพบปะประชาชนต่อที่ จ.พระนครศรีอยุธยา หนึ่งในฐานการเมืองของเพื่อไทย-คนเสื้อแดง พร้อมส่งคำขอร้องแกมบังคับว่า "เวลาเขาชวนไปชุมนุมไม่ต้องไปแล้ว... แล้วไม่ต้องไปชุมนุมต่อสู้เพื่อผม เพราะผมจะสู้เพื่อพวกท่าน"

ที่มาของภาพ, สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
พล.อ.ประยุทธ์ตรวจเยี่ยมโครงการ "เปิดน้ำเข้านา ปล่อยปลาเข้าทุ่ง" และพบปะประชาชนที่ อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 18 ก.พ.
ก่อนอำลาประชาชน พล.อ.ประยุทธ์โยนคำถามขึ้นว่า "จะเลือกตั้งพรุ่งนี้เลยหรือไม่" และแสร้งเปิดปราศรัยล้อเลียนนักการเมืองโดยกล่าวว่า "พี่น้องทั้งหลาย ถ้าผมได้เข้ามา ผมจะแก้ไขปัญหาสร้างสะพานให้ และแก้น้ำท่วมให้ได้ภายในปีนี้ แล้วทันทำไหมละ" เรียกเสียงฮาจากข้าราชการและชาวบ้าน
อ้อนชาวปัตตานีอย่ารังเกียจทหาร
ส่วนการประชุม ครม.สัญจรที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ วันที่ 27-28 พ.ย. เกิดขึ้นในช่วงรอยต่อของการปรับ ครม. "ประยุทธ์ 5" คนเก่าไป-คนใหม่มา ทำให้รัฐมนตรีหายไปเกือบครึ่งรัฐบาล แต่สำหรับ "พี่ป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม แม้มีข่าวลือ-ข่าวปล่อยว่าเรื่องถูกปรับออกจากรัฐบาลมาหลายครั้ง แต่ยังอยู่ยั้งยืนยง เพราะหัวหน้ารัฐบาลช่วยการันตีผลงานให้ด้วยการบอกกับชาวปัตตานีว่างานความมั่นคงดีขึ้นเรื่อย ๆ
"ขออย่าไปเกลียดท่าน (พล.อ.ประวิตร) เพราะบ้านเมืองจะได้มีแต่คนดี ๆ ขออย่ารังเกียจทหารเพราะเลือดสีเดียวกันทั้งนั้น และตั้งแต่เข้ามา ทุกอย่างมีการพัฒนาขึ้น" พล.อ.ประยุทธ์กล่าวขณะแนะนำรัฐมนตรีให้ชาวบ้านรู้จักเป็นรายบุคคล

ที่มาของภาพ, สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
นายกฯ เปิดตลาดกลางปศุสัตว์จังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมพบปะชาวปัตตานี เมื่อวันที่ 27 พ.ย.
นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ยังปรามชาวสวนยางพาราไม่ให้ออกมาเดินขบวนประท้วง เพราะรัฐบาลกำลังแก้ปัญหาให้เต็มที่
สำหรับจังหวัดชายแดนภาคใต้ถือเป็นพื้นที่ที่มีความอ่อนไหวทางการเมืองเป็นพิเศษ และไม่ได้เป็นฐานเสียงของพรรคการเมืองใดแม้กระทั่งพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 7 ส.ค. 2559 ชาวปัตตานี ยะลา นราธิวาส ได้ลงมติ "ไม่เห็นชอบ" ร่างรัฐธรรมนูญยกจังหวัด ทำให้นักวิเคราะห์วิจารณ์การเมืองออกมาชี้ภาพสะท้อน "ไม่เอารัฐบาล คสช." ส่วนในการเลือกตั้งปี 2554 พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้าคณะรัฐประหารปี 2549 ได้กวาดต้อนอดีต ส.ส.กลุ่มวาดะห์ไปลงสนามเลือกตั้งในนามพรรคมาตุภูมิ ทว่าได้ ส.ส.เขตแค่ 1 คน และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 1 คน จึงไม่ง่ายที่จะพิชิตคะแนนเสียงในพื้นที่นี้
จับตารับ-ไม่รับข้อเสนอจากหัวหน้ากลุ่มวังน้ำยม
มาถึง ครม.สัญจรนัดส่งท้ายปี 2560 มีข้อเสนอฝากมาจากนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ตั้งแต่ "พญา" ยังไม่ทันเหยียบเมืองรวม 3 ข้อคือ 1. แก้จนด้วยโครงการนำวัวให้ประชาชนยืมไปเลี้ยง 2. ปรองดองด้วยการงดใช้รัฐธรรมนูญบางมาตราชั่วคราวเป็นเวลา 1 ปี และ 3. แก้น้ำท่วมซ้ำซากด้วยการสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น
หมายเหตุ: บีบีซีไทยรวบรวม โดยจำนวน ส.ส. และฐานการเมืองยึดจากผลการเลือกตั้งครั้งล่าสุดปี 2554 แต่รัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ได้ลดจำนวน ส.ส.แบบแบ่งเขตเหลือ 350 คน จาก 400 คน
ต่อมามีการขยายความเพิ่มว่าการงดใช้รัฐธรรมนูญบางมาตรา หมายถึงการให้ ส.ส.เป็นอิสระ ไม่ต้องสังกัดพรรคการเมือง จนถูกนักการเมือง-นักวิชาการตีโต้ว่าเป็นข้อเสนอ "ย้อนยุค" เป็นทฤษฎีสมคบคิดเพื่อเลื่อนโรดแมปเลือกตั้ง และถูก "ตีตก" ไปในที่สุดเมื่อมือกฎหมายรัฐบาลฟันธงว่าภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 นั้น "เป็นไปไม่ได้"
ทว่าจังหวะขยับทางการเมืองของหัวหน้ากลุ่มวังน้ำยมที่แม้ไม่มีราคาพุ่งเท่ายุครุ่งเรือง ได้ทำให้ข่าวลือเรื่องพรรคทหารและพรรคพันธมิตรให้มีชีวิตชีวาขึ้นมา ในจังหวะที่ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ปฏิเสธอย่างเต็มปากเต็มคำเหมือนก่อนเรื่องการ "ต่อเวลา-ยืดวาระ" ตัวเองในฐานะนายกฯ โดยบอกเพียงว่าผู้เกี่ยวข้องไปดูข้อกฎหมายมา และถ้าชาวบ้านให้อยู่ต่อก็อยู่ได้

ที่มาของภาพ, สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
พล.อ.ประยุทธ์บอกชาวกาฬสินธุ์ว่า "คิดถึงจึงมา" และ "ผมรักทุกคน" ในระหว่างลงพื้นที่ตรวจราชการ เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.
อีกทั้งคนการเมืองจาก 2 พรรคใหญ่ทั้งเพื่อไทย-ประชาธิปัตย์ยังหันมาสวมบทบาท "แนวร่วมมุมกลับ" จับมือต้านพรรคทหาร
การขน ครม. ไปประชุมสัญจร คู่ขนานกับการตะลุยลงพื้นที่ตรวจราชการในหลายจังหวัดของ พล.อ.ประยุทธ์ ชูจุดขายนโยบาย "ประชารัฐ" จึงคล้ายกับเป็นการซ้อมหาเสียงตั้งแต่ระฆังเลือกตั้งยังไม่ดัง!!!