โคโรนา : บันทึกความทรงจำคนไทยที่กลับจากเมืองอู่ฮั่นสู่ศูนย์กักกันโรคที่สัตหีบ

ที่มาของภาพ, Thai News Pix
คนไทยที่ได้รับการอพยพออกจากนครอู่ฮั่นเมื่อวันที่ 4 ก.พ. ขนสัมภาระขึ้นรถบัสที่กองทัพเรือจัดไว้ให้เพื่อกลับภูมิลำเนาหลังครบ 14 วันของการกักกันโรคที่ฐานทัพสัตหีบ
วันนี้ (19 ก.พ.) กระทรวงสาธารณสุขจะปิดศูนย์บัญชาการเหตุการณ์นำคนไทยกลับบ้าน กรณีเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 (โรคโควิด-19) ที่โรงพยาบาลอาภากรเกียรติวงศ์ ฐานทัพเรือสัตหีบ หลังจากคนไทย 137 คน ที่เดินทางจากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน เข้ารับการกักกันโรคครบ 14 วัน และผลการตรวจร่างกายทุกคนยืนยันว่าไม่พบเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่วนผู้ติดเชื้อ 1 คนยังคงต้องพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลชลบุรี
ตลอดเวลา 14 วัน อาคารสัญญาบัตรของโรงพยาบาลอาภากรเกียรติวงศ์ ได้กลายเป็นสถานที่พักผ่อนและกักกันโรคของคนไทยที่ร้องขอความช่วยเหลือจากทางการให้พาพวกเขากลับบ้านหลังเกิดการระบาดของเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 ในเมืองอู่ฮั่น ที่เคยอาศัยอยู่
ที่มาของภาพ, Thai News Pix
เจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่คอยดูแลคนไทยในระยะกักกันโรคที่ฐานทัพเรือสัตหีบโบกมือร่ำลา
ข้อความข้างล่างนี้คือส่วนหนึ่งของบันทึกความทรงจำที่บีบีซีไทยได้รับจากนักศึกษาไทยในอู่ฮั่นคนหนึ่งซึ่งเคยอยู่ในห้วงของความกังวลว่าจะไม่ได้กลับบ้านเกิด จนกระทั่งได้รับความช่วยเหลือดูแลในศูนย์ฯ จนรู้สึกอิ่มเอมใจและพูดได้เต็มปากว่า "ดีใจที่ได้เกิดมาในประเทศไทย"
ช็อก-แผนกลับบ้านล่ม
23 ม.ค.63 รู้สึก "ช็อค" กับข่าวการประกาศปิดเมืองอู่ฮั่น ต้องเตรียมตัวรับมือด้วยการไปซื้ออาหารจากซูเปอร์มาร์เก็ตมาตุนไว้ ที่ซูเปอร์มาร์เก็ต ทุกคนสวมหน้ากาก และดูเร่งรีบ บางคนขนซื้อของกันเป็นคันรถ
มีประกาศว่าจะมีการฉีดยาฆ่าเชื้อทางอากาศในเวลา 5 โมงเย็น ทุกคนจะต้องอยู่แต่ในบ้านห้ามออกไปข้างนอกจนกว่าจะสามทุ่ม โอ้โห...มันดูน่ากลัวไปนะ ปิดท้ายวันด้วยข่าวแอร์เอเชียประกาศยกเลิกเที่ยวบิน แผนกลับบ้านล่มทันที
24 ม.ค.63 เช้านี้เหตุการณ์ในกลุ่มนักศึกษายังปกติดี เจ้าหน้าที่สถานทูตไทยโทรติดต่อสอบถามความปลอดภัยของทุกคน และแจ้งว่ากำลังมีการหารือเรื่องการช่วยเหลือ
มีการปิดเมือง 16 แห่ง ในมณฑลหูเป่ย์ ของใช้อย่างหน้ากากอนามัยและแอลกอฮอล์เริ่มขาดตลาด ข่าวที่ออกทางสื่อดูน่ากลัว ทั้งเรื่องขาดแคลนอาหารและแย่งตีกันเพื่อซื้อข้าวของรวมทั้งหน้ากากอนามัย
น้อง ๆ ที่รู้จักยังดูมีกำลังใจดีอยู่ แต่บางคนเริ่มแยกตัวและทำกับข้าวกินเอง มีการรวมกลุ่มกันน้อยลง ไม่รู้ว่ามีใครกังวลบ้างไหม สำหรับเราชีวิตประจำวันที่ถูกจำกัดแบบนี้มันอึดอัดอยู่บ้าง
ข่าวสุดท้ายของวันนี้คือปิดเมืองทั้งมณฑลหูเป่ย์แล้ว
ที่มาของภาพ, Getty Images
ศูนย์แสดงนิทรรศการในเมืองอู่ฮั่นที่ถูกแปลงสภาพให้กลายเป็นสถานพยาบาลรองรับผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
วันตรุษจีนที่อึมครึมที่สุด
25 ม.ค.63 Happy Chinese New Year วันนี้เริ่มต้นวันด้วยคำอวยพรปีใหม่จากสมเด็จพระเทพฯ 鼠兆丰年 หนูนำพืชผล ขอให้คนไทยที่อยู่อู่ฮั่นปลอดภัยเป็นปีที่ดีของทุกคน
เราเริ่มชินกับสถานการณ์แล้ว ออกไปสำรวจร้านค้าในมหาวิทยาลัยเสียหน่อย โล่งใจที่ยังมีอาหารสดและแห้งขาย ร้านของชำในบริเวณนั้นยังเปิดอยู่ แต่เลื่อนเวลาปิดเปิด
มหาวิทยาลัยเริ่มเข้มงวดเรื่องคนเข้าออก และออกกฎห้ามพาคนภายนอกเข้ามาในมหาวิทยาลัยโดยเด็ดขาด
วันนี้เริ่มมีการตั้งกลุ่มวีแชทผู้รอดชีวิตในอู่ฮั่น ดีใจ มีความหวังที่จะได้กลับบ้านแล้วแน่ ๆ
ทางการจีนสั่งงดเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีน บรรยากาศที่มหาวิทยาลัยเงียบกว่าปกติ ต่างคนต่างแยกย้าย มีเพียงการส่งคำอวยพรให้กันและกันทางวีแชทเท่านั้น
ที่มาของภาพ, Getty Images
(ภาพจากแฟ้มภาพ) หญิงชาวจีนเดินอยู่บนถนนสายการค้าอันว่างเปล่าในช่วงที่เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ระบาดไปทั่วประเทศจีน
26 ม.ค.63 วันนี้เริ่มได้ข่าวเรื่องการอพยพคนไทยกลับบ้านด้วยเครื่องบิน C-130
ว้าวมากสำหรับเรา จะได้นั่งเครื่องบินรบ! เร่งมือหน่อยนะคะ หวังว่าพรุ่งนี้จะมีข่าวดี
หดหู่ใจ
27 ม.ค.63 ข่าวที่ได้รับวันนี้มันบั่นทอนกำลังใจจริง ๆ มันเป็นไปไม่ได้เลยที่ไม่มีคนไทยอยากกลับบ้าน
แถมยังมีคนไทยบางกลุ่มแสดงความเห็นเชิงรังเกียจพวกเราอีก ไม่นึกสงสารเราบ้างเลยเนอะ เราเองก็กลัวเป็นเหมือนกัน ตอนนี้การระบาดมันยังไม่รุนแรงจนเอาไม่อยู่ ถ้าไม่พากลับตอนนี้จะพาเรากลับตอนไหน เขามีแผนรองรับตรงนี้กันไม่ใช่เหรอ หดหู่ใจ....
ที่มาของภาพ, Getty Images
นครอู่ฮั่นเหมือนเมืองร้าง หลังจากทางการจีนสั่งปิดเมือง
ในที่สุดก็มีข่าวดี
31 ม.ค.63 มีประกาศสำคัญจากทางสถานทูตแจ้งว่าจะมีการอพยพคนไทยกลับประเทศในวันที่ 4 ก.พ. นี้ ให้พวกเราเตรียมเอกสารที่จำเป็น รักษาร่างกายให้แข็งแรง อุณหภูมิร่างกายไม่เกิน 37.3 องศาเซลเซียส
พวกเรารวบรวมรายชื่อขอให้อาจารย์หวังช่วยหารถให้ อาจารย์ใจดีมาก เป็นธุระจัดการและประสานงานกับสถานทูตโดยไม่ลังเลเลย
สู้ ๆ นะ อู่ฮั่น
3 ก.พ.63 อาจารย์หวังแจ้งข่าวดีแต่เช้า เราได้รถกันแล้ว ^^
บรรยากาศในมหาวิทยาลัยดูเงียบ ๆ แห้ง ๆ ไม่มีชีวิตชีวาเอาซะเลย
เรากลับบ้านไปรอบนี้ไม่รู้จะได้กลับมาอีกทีเมื่อไหร่ หวังว่าทุกอย่างจะดีขึ้น อยากให้เมืองกลับมามีชีวิตอีกครั้ง สู้ ๆ นะอู่ฮั่น
ที่มาของภาพ, กระทรวงการต่างประเทศ
ทีมปฏิบัติการร่วมภาครัฐ-เอกชนถ่ายภาพกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.สธ.ก่อนออกเดินทางไปรับคนไทยนครอู่ฮั่น
วันเดินทางกลับบ้าน
4 ก.พ.63 วันนี้อากาศอบอุ่นขึ้นมาก แสงแดดตอนเช้าทำให้วิวสองข้างทางสวยงาม เราผ่านด่านตรวจในเมืองแบบไม่มีปัญหาอะไรและมาถึงสนามบินอู่ฮั่นประมาณ 8 โมงครึ่ง
ที่เทอร์มินอล 3 มีคนไทยกลุ่มใหญ่นั่งอยู่ก่อนแล้ว มีเจ้าหน้าที่จากสถานทูตไทยคอยแจกหน้ากากอนามัยให้ มีการตรวจร่างกาย ตรวจรายชื่อ เช็คอินตามลำดับหมายเลข จุดนี้ใช้เวลาไม่นาน
ที่มาของภาพ, Thai News Pix
เจ้าหน้าที่อะพอลโล
จากนั้นเป็นขั้นตอนตรวจสัมภาระและเขียนใบผู้โดยสารขาออก เราต้องตรวจอุณหภูมิร่างกายอีกรอบ ก่อนจะได้เข้าไปข้างใน
การแต่งกายของเจ้าหน้าที่ตรงจุดนี้เปลี่ยนไปเหมือนนักบินอวกาศ พวกเราเรียกเจ้าหน้าที่เหล่านั้นว่า "อะพอลโล" แล้วก็ไปรอเรียกขึ้นเครื่องบิน
ก่อนขึ้นเครื่องเราเจอทีม "อะพอลโล" ไทยจำนวนหนึ่งรออยู่แล้ว คอยวัดอุณหภูมิ ให้ป้ายคล้องคอ และต้องเปลี่ยนหน้ากากอนามัยด้วย
ได้รับแจกเจลล้างมือ และทิชชู่เปียกชุบน้ำยาฆ่าเชื้อเช็ดทำความสะอาดสัมภาระทุกใบก่อนขึ้นเครื่อง เหมือนกำลังจะเดินทางออกไปนอกโลกจริง ๆ
เที่ยวบินนี้พิเศษจริง ๆ มีเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุข มีคุณหมอจากโรงพยาบาลบำราศนราดูร คุณหมอด้านจิตเวช พยาบาล และเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศมาดูแล
ที่มาของภาพ, Thai News Pix
เหมือนนั่งรถบัสไปเที่ยว มีสจ๊วตเป็นไกด์ ทุกคนพยายามพูดคุยให้พวกเราผ่อนคลาย ยิงมุกแป้ก ๆ เรื่อย ๆ แต่เราประทับใจในการดูแลครั้งนี้มาก ๆ ภาพที่พวกเขาเหล่านั้นถือถาดมาม่ามาเสิร์ฟพวกเรามันยังติดตาอยู่เลย ขอบคุณมาก ๆ นะคะ
ที่มาของภาพ, Thai News Pix
อาคารรับรองภายในฐานทัพเรือสัตหีบได้รับการดัดแปลงเป็นที่พักสำหรับสังเกตอาการของคนไทยกว่า 130 คนที่เดินทางกลับจากนครอู่ฮั่นเมื่อคืนวันที่ 4 ก.พ.
ถึงเมืองไทยแล้ว
กำลังจะงีบหลับ กัปตันก็ประกาศลดระดับเครื่องบินเพื่อลงจอดที่สนามบินอู่ตะเภาพอดี ที่สนามบินมีอะพอลโลอีกชุดรออยู่ วัดไข้ สอบถามอาการกันอีกรอบ ก่อนจะแยกย้ายไปขึ้นรถ
ระหว่างทางมีรองนายกฯ อนุทิน (ชาญวีรกูล) มารอต้อนรับพร้อมกองทัพนักข่าว
ดีใจที่ได้กลับมา เกือบเที่ยงคืนละ หลับฝันดีแล้วคืนนี้
ขอบคุณทุกคนที่ช่วยเหลือจนพวกเราสามารถกลับมาถึงไทยได้อย่างปลอดภัย ขอบคุณในความเสียสละและอดทนของเจ้าหน้าที่ ทั้งจากสถานกงสุล กระทรวงต่างประเทศ คุณหมอ พยาบาล และ บริษัทแอร์เอเชียเป็นอย่างสูง คุณคือฮีโร่ของเรา และคนที่เป็นที่สุดของฮีโร่ครั้งนี้สำหรับเรา คือเจ้าหน้าที่จากสถานทูตที่ติดตามดูแลแก้ปัญหาให้พวกเรากว่าร้อยชีวิตตลอดเวลา
ที่มาของภาพ, กองทัพเรือ
ภาพจากงานเลี้ยงส่งผู้ที่อยู่ในศูนย์กักกันโรคครบ 14 วัน เมื่อคืนวันที่ 18 ก.พ.63
14 วันของการกักกันโรค
เช้าแรกในศูนย์กักกันโรค เราตื่นนอนมาอย่างอุ่นใจ ไม่รู้สึกแปลกที่แปลกทาง
สองวันแรกที่อยู่ในศูนย์นี้ เราต้องตรวจร่างกายในช่วงบ่าย กับมีการเก็บตัวอย่างเสมหะในคอและจมูก ส่วนวันอื่น ๆ หลังจากนั้น กิจวัตรของเราคือตรวจร่างกายตอนสิบโมงเช้า และวัดอุณหภูมิ
แต่ก่อนหน้านั้น เจ็ดโมงครึ่ง เป็นเวลาอาหารเช้า อาหารกลางวันคือสิบเอ็ดโมงครึ่ง ส่วนอาหารเย็นทานกันราวห้าโมงครึ่งถึงหกโมงเย็น แล้วก็มีมื้อดึกตอนสองทุ่มด้วย
การมากักกันโรคที่ฐานทัพเรือสัตหีบดีกว่าที่คิดไว้มาก เกิดมาไม่เคยกินข้าว 4 มื้อต่อวัน ที่สำคัญอร่อยด้วย ผลไม้ ขนม ของใช้ต่าง ๆ หาให้เราครบ ที่สำคัญชานมไข่มุกก็มีด้วยนะ
ที่มาของภาพ, Thai News Pix
ทหารเรือคอยดูแลและอำนวยความสะดวกบริเวณที่พักของคนไทยที่กลับจากอู่ฮั่น
พี่ทหารน่ารักกว่าที่คิด
ทุกวันจะมีคุณหมอมาตรวจร่างกาย มีจิตแพทย์คอยติดตามสอบถามสุขภาพจิต มีการเก็บตัวอย่างตรวจหาเชื้อไวรัสโรคโควิด -19 สองครั้ง ส่วนใหญ่พวกเราแข็งแรงดี ส่วนคนที่ต้องสงสัยก็จะถูกส่งไปโรงพยาบาลทันที
ที่นี่มีกิจกรรมให้ทำทั้งเต้นแอโรบิก แบดมินตัน ที่สำคัญคือมีเซอร์ไพร์สวันวาเลนไทน์ เป็นปีแรกที่เราได้ดอกกุหลาบ พี่ทหารน่ารักกว่าที่คิดแฮะ
ที่มาของภาพ, กองทัพเรือ
เซอร์ไพรส์วันวาเลนไทน์ในศูนย์กักกันโรคที่สัตหีบ
การถูกกักกันโรคในครั้งนี้ ทำให้เรามีโอกาสได้เห็นความน่ารักและน้ำใจของคนไทยด้วยกัน เราอยู่กันอย่างถ้อยทีถ้อยอาศัย มีคนกวาดถูตึกตอนเช้า กวาดเศษใบไม้ที่หล่นตามอาคาร รดน้ำต้นไม้ พวกคุณน่ารักมาก ๆ เจ้าหน้าที่ทุกคนคอย ดูแลเราให้มีความสุขจนกว่าจะได้กลับบ้านไปหาครอบครัว เหตุการณ์ที่เจอในครั้งนี้มากกว่าความสุข ความประทับใจ คือความอิ่มเอมใจ ดีใจที่ได้เกิดที่ประเทศไทย คนไทยน่ารักที่สุดในโลกแล้ว
ที่มาของภาพ, Thai News Pix
ทหารเรือที่ฐานทัพเรือสัตหีบโบกมือลาคนไทยทีเดินทางกลับบ้านหลังจากครบระยะกักกันโรค 14 วัน